Review: Xiaomi Mi Mix3 มือถือจอสไลด์ ไร้รอยบาก กล้องเจ๋ง CPU แจ่ม!

Review: Xiaomi Mi Mix3 มือถือจอสไลด์ ไร้รอยบาก กล้องเจ๋ง CPU แจ่ม! 

สวัสดีเพื่อนๆชาว TechXcite ทุกท่าน พบกับ กู๊ดดรีม TechXcite และวันนี้ดรีมมาพร้อมสมาร์ทโฟนตัวท้อป ล่าสุดจากฟากฝั่งของ Xiaomi ในตอนนี้อย่าง Xiaomi Mi Mix3 ซึ่งมีการนำนวัตกรรมหน้าจอสไลด์มาใช้งานเพื่อลดสิ่งกีดขวางทางสายตาบนหน้าจออย่างเก๋ไก๋ ซึ่งนอกจากเรื่องของหน้าจอนวัตกรรมใหม่แล้ว เรื่องของสเปคก็ไม่ธรรมดา แหงล่ะ ตัวเรือธงทั้งที จะใส่มาเล่นๆได้ไง ว่าแล้วก็ไปแกะกล่องพร้อมกัน
จะใช้คำว่าแกะก็ไม่ได้เพราะ Packaging จะต้องเปิดฝาออกมา เก๋ไก๋หรูหรา จัดวางในกล่องขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีล็อคแบ่งอุปกรณ์ชัดเจนซึ่งสิ่งที่อยู่ในกล่องก็จะมี
  • ตัวเครื่อง Xiaomi Mi Mix3
  • สายชาร์จ USB Type C
  • Adaptor
  • Wireless Charger แท่นชาร์จไร้สาย
  • ตัวแปลงพอร์ต USB Type-C เป็นช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
  • เคส
  • เข็มจิ้มถาดซิม
  • ใบรับประกัน / คู่มือการใช้งาน
ตัวเครื่องเซรามิกทนทาน แวววาว
มาดูบอดี้กันก่อนเช่นเคย เริ่มจากขนาดหน้าจอ Amoled กว้าง 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ในอัตราส่วนแบบ 19.5:9 การแสดงผลเต็มพื้นที่ จุใจไปเลยจ้า ตัวเครื่องทำมาจากวัสดุเป็นเซรามิกแข็งแรงทนทานด้วยน้ำหนัก 218 กรัม  ฝาหลังมันวาวสวย ซึ่งความพิเศษของตัวนี้คือการเป็นสมาร์ทโฟนที่ไร้รอยแหว่ง รอยบากและติ่งทุกชนิด ซึ่งถ้าใครสงสัยว่า อ้าว..แล้วกล้องหน้าจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบเพียงแค่สไลด์หน้าจอลงด้านล่างก็จะปรากฏเป็นกล้องหน้าที่ทุกคนตามหา
ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานพื้นที่บนหน้าจอให้คุ้มค่าที่สุดสมกับเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับคนยุคใหม่ ทีนี้เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะไม่มั่นใจอีกว่า เมื่อมันเป็นหน้าจอสไลด์แบบนี้แล้วมันจะทนทานพังง่ายหรือเปล่า ก็ต้องบอกต่อว่าในเรื่องนี้มีผลการทดสอบออกมาว่าสามารถสไลด์ขึ้นลงได้มากถึง 300,000 ครั้ง ซึ่งถ้าพูดตามความเป็นจริงถึงการใช้งานแล้ว 300,000 ครั้ง นับว่าใช้งานได้มากพอกับอายุการใช้งานของโทรศัพท์เครื่องนึงซะอีก เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องความทนทานของการสไลด์ขึ้นลง สามารถสบายใจได้ว่าไม่พังง่ายแน่นอน ซึ่งนอกจากการสไลด์เพื่อเปิดกล้องหน้าแล้ว ยังใช้ประโยชน์ในการรับสายได้อีกด้วย
มาดูในส่วนของปุ่มใช้งานต่างๆกันบ้าง เริ่มจากฝั่งแถบขวามือด้านบนเป็นปุ่ม เพิ่ม-ลดเสียง และขยับลงมาเป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ข้ามมาฝั่งซ้ายเป็นที่อยู่ของช่องถาดซิม เพื่อการใส่ซิมการ์ดแบบนาโนได้สองซิม และปุ่มเพื่อเรียกใช้งาน Google Assistance ผู้ช่วยอัจฉริยะ
ขยับไปด้านบนไม่มีอะไรเรียบสนิท (บอกเพื่อ?) ย้ายไปด้านล่างเป็นลำโพงและพอร์ท USB Type-C ซึ่งจะสังเกตได้ว่าไม่มีพอร์ทสำหรับการเสียบหูฟัง จึงจำเป็นต้องใช้สายแปลงเพื่อใช้งานหูฟัง ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้ก็แถมมาอยู่ในกล่องเรียบร้อย พลิกมาด้านหลังมุมบนซ้ายเป็นที่อยู่ของกล้องคู่ Dual Camera ประกบไฟแฟลชไว้อีกที และขยับมาตรงกลางเป็นที่สำหรับสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งสามารถประมวลผลออกมาได้รวดเร็วดีมาก
โดยรวมเรื่องของดีไซน์ ตัวเครื่องดูแข็งแรงทนทาน แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่อาจจะมากกว่าตัวอื่นๆไปสัดนิด กรอบฝาหลังมันวาวจนมองสะท้อนเห็นใบหน้าของตัวเองได้เหมือนกระจก ตัดกับตัวอักษร MIX สีทองตรงกลางล่างดูเรียบหรูมาก ออกแบบสวย ถือแล้วดูมีคลาส 
มาดูเรื่องของสเปคการใช้งานกันบ้าง
  • จอแสดงผล AMOLED 24-bit (16 ล้านสี) 
  • หน้าจอไร้ขอบ (Fullview Display)
  • จอแสดงผล HDR
  • กว้าง 6.39 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ในอัตราส่วนแบบ 19.5:9
  • ระบบเซ็นเซอร์
  • สแกนลายนิ้วมือ
  • สแกนใบหน้า
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 9.0 (Pie)
  • CPU Qualcomm Snapdragon 845 AIE Octa Core ความเร็ว 2.8 GHz
  • ROM 128
  • RAM 6GB
  • กล้องหลังความละเอียด 12 + 12 ล้านพิกเซล ƒ/1.8
  • กล้องหน้าความละเอียด 24 + 2 MP
  • บันทึกวีดีโอ 4k
  • แบตเตอรี่ 3,200 mAh
  • มีระบบชาร์จไร้สายในตัว
  • รองรับระบบชาร์จเร็ว
  • รองรับสองซิม
  • น้ำหนัก 218 กรัม 
  • มีสามสีให้เลือก สีดำ, สีน้ำเงิน Sapphire Blue และ สีเขียว Jade Green อ่านต่อ

ไม่มีความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.